วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ยุทธการผาเมือง 2524


[ สมรภูมิเขาค้อ : ยุทธการผาเมือง 2524 ]

"บทความนี้เขียนขึ้นโดย พ.อ.สมจริง สหเสนี โดยคุณ vasin นำมาโพสเผยแพรที่ thaifighterclub.com ซึ่งเป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของ ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก ซึ่งเป็นปฏิบัติการของกองทัพภาคที่สามต่อผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ บริเวณเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ บทความบอกเล่าเรื่องราวความยากลำบากและวีรกรรมของทหารอาชีพในสมัยนั้นที่ ต่อสู้เพื่อปกป้องชาติและราชบัลลังค์โดยแท้จริง ในยุคสมัยที่ความแตกแยกของคนไทยลุกลามถึงขั้นต้องจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กัน"

เสียงกึกก้องกัมปนาทของปืนใหญ่บนเขาค้อและปืนใหญ่จากด้านเขาห้วยทรายที่ยิง ติดต่อกันไม่ขาดระยะ นาฬิกาเพิ่งบอกเวลา ๐๕.๓๐ น. ของวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ อากาศรอบฐานหนาวเย็นยะเยือก อาศัยแสงดาวที่ระยิบระยับบนท้องฟ้า ทำให้พอสังเกตเห็นว่าที่ลานจอด ฮ. ข้างกองอำนวยการโครงการพัฒนา ลุ่มน้ำเข็ก ขณะนี้คราคร่ำไปด้วยเหล่าทหารจาก กองพันทหารราบเฉพาะกิจที่ ๓๔๔๔ (พัน.ร ๓๔๔๔) ซึ่งเป็นทหารจาก กองพันที่ ๔ กรมทหารราบที่ ๔ และเต็มไปหมด เสียงตะโกนเรียกหากันดังโหวกเหวก ระคนกับเสียงคุยจ้อกแจ้กจอแจ

เมื่อปืนใหญ่เงียบเสียงไปแล้ว สักครู่ก็ปรากฏเสียง ฮท.๑ จำนวนหลายลำดังกระหึ่มมาจากทางด้านหล่มสัก พอใกล้เข้ามาเสียงก็ยิ่งดังจนแสบแก้วหู ไฟสีเขียวสีแดงที่ตัวเครื่องวูบวาบข้ามศีรษะไปเป็นทางเหมือนกับผีกระสือ

อึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงปืนกล เอ็ม-๖๐ ดี ขนาด ๗.๖๒ มม. ของ ฮท.๑ (ขนส่ง) ซึ่งติดตั้งอยู่ข้างห้องโดยสารของเครื่องข้างละกระบอก ที่เพิ่งบินผ่านไปเมื่อสักครู่ ดังสนั่นจนได้ยินอย่างชัดเจน เสียงการยิงดังกล่าวเป็นการยิงเพื่อเคลียร์พื้นที่ก่อนที่จะปล่อยทหารระลอก แรกลงในพื้นที่บริเวณหนองแม่นา นอกจากนั้นยังมีเสียงจรวด ๗๐ มม. และปืนมินิกัน ๖ ลำกล้อง ขนาด ๗.๖๒ มม. ของ ฮท.๑ (กันชิพ) ที่บินคุ้มกันดังสนั่นหวั่นไหวสลับกันอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

ฮ. เหล่านี้บินมาจาก พตท. ๑๖๑๗ อ. หล่มสัก และเป็น ฮ. เที่ยวแรกที่นำทหารจาก พัน. ร. ๓๔๔๔ จำนวน ๑ กองร้อย ไปลงในพื้นที่หนองแม่นา รังใหญ่ของ ผกค. เขตเขาค้อ

วันนี้ (๒๐ ก.พ. ๒๔) เป็นวันที่กองทัพภาคที่ ๓ ประกาศสงครามกับกองกำลังผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องจารึกเอาไว้ว่า วันนี้นักรบไทยส่วนหนึ่งในสังกัดของ กองพลทหารราบที่ ๔ ได้ไปสร้างเกียรติประวัติฝากชื่อไว้ในแผ่นดินที่ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ก่อนที่จะถึงวันนี้กองกำลังส่วนหนึ่งซึ่งประกอบ ด้วยทหารพรานและอาสาสมัครชาวเขาได้เคลื่อนย้ายเข้าปิดล้อมฐานที่มั่นของ ผกค. และในวันนี้เป็นวันที่กำลังส่วนหน้านั้นจะสมทบกับกำลังที่ส่งทางอากาศเข้า ร่วมโจมตีที่หมายต่างๆ พร้อมกัน

๐๖.๐๐ น. ดวงอาทิตย์สีหมายสุกโผล่พ้นทิวเขาขึ้นมา พอจะเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น บริเวณลานจอด ฮ. ที่กำลังพลุกพล่านไปด้วยทหารจาก พัน. ร. ๓๔๔๔ ทั้งนายทหาร นายสิบ พลทหาร ทุกคนสวมหมวก แบร์เล่ย์สีพราง จำนวนไม่ต่ำกว่า 2 กองร้อย กำลังรอคิวขึ้น ฮ. เที่ยวต่อไป เป้ที่อยู่บนหลังบรรจุแน่นไปด้วยสิ่งของเครื่องใช้ อาวุธ กระสุนทุกชนิดเต็มอัตราศึก ทหารเหล่านี้พอกหน้าด้วยดินหม้อจนดูเหมือนพวกนิโกร

ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริง พูดกระเซ้าเย้าแหย่กันด้วยความสนุกสนาน ไม่มีแวววิตกกังวลอยู่บนใบหน้าแม้แต่น้อย ผบ.ร้อย ผบ.หมวด ผบ.หมู่ กำลังจัดระเบียบการขึ้น ฮ. อยู่อย่างสับสน ผบ.หมู่ กำลังตามหาลูกหมู่ของตนอยู่อลหม่าน เสียงตะโกนเรียกหาโหวกเหวกดังอยู่อย่างเอ็ดอึง.... กว่าจะตามหาได้ครบก็เสียงแหบเสียงแห้ง

สักครู่หนึ่ง ฮท.๑ (ขนส่ง) ๓ - ๔ เครื่อง ก็บินกลับลงมาจอดที่ลานจอด โรเตอร์หลักพัดฝุ่นฟุ้งตลบ อบอวลจนเกือบมองไม่เห็นอะไร เดี๋ยวเดียวก็ทยอยกันมาอีก ๖ เครื่อง และกำลังทยอยลงจอดเป็นแถวยาวเยียด มี ฮท.๑ (กันชิพ) ๔ เครื่องเท่านั้นที่บินเลยไปจอดที่ลานอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กันแต่มีขนาด เล็กกว่า เพื่อโหลดจรวดและกระสุนปืนกลเพิ่ม ขณะที่ทหารกองร้อยแรกของ พัน.ร. ๓๔๔๔ ลงไปตะลุยขับเคี่ยวกับ ผกค. อยู่ในหนองแม่นาแล้ว ซึ่งสามารถได้ยินเสียงปืนแว่วมาจากด้านหลังของเขาค้อ และทหารส่วนที่เหลือนี้กำลังจะตามไปสมทบอีก

ฮ. ยังคงติดเครื่องกระหึ่ม ใบพัดใหญ่หมุนคว้างฝุ่นปลิวว่อน นักบินและช่างเครื่องกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ท้องเครื่องเพื่อหารอยกระสุน เพราะเมื่อสักครู่นี้ขณะที่ร่อนลงปล่อยทหาร ถูก ผกค. ซัดเข้าไปหลายรู อาจจะเป็นเพราะเราจู่โจมลงไปโดยที่มันไม่รู้ตัวก็ได้มันเลยตั้งหลักไม่ทัน จึงเพียงแต่เฉี่ยวๆ ไม่ถูกที่สำคัญ เหล่าทหารที่กำลังรอขึ้นเครื่องอยู่ ก็เริ่มทยอยขึ้นเครื่อง ๆ ละ ๖ - ๗ นาย ซึ่งปรกติแล้วถ้ามีแต่ตัวเปล่าๆจะนั่งได้อย่างสบาย

แต่เมื่อทุกคนบรรทุกของใส่เป้มาเต็มที่ น้ำหนักไม่ต่ำกว่าคนละ ๓๐ กก. แล้วไหนจะอาวุธและกระสุนอีกก็เลยทำให้ภายในเครื่องเกือบไม่มีที่ว่างแม้แต่ นิดเดียว พอทหารขึ้นนั่งประจำที่ครบทุกเครื่องแล้ว

“เคลียร์” ... พอสิ้นเสียง นักบิน ฮท.๑ (ขนส่ง) เครื่องหมายเลข ๑ ซึ่งจอดอยู่หัวแถว ก็เร่งเครื่องจนใบพัดใหญ่หมุนติ้ว เครื่องยกตัวขึ้น พอสกีพ้นพื้นก็พุ่งปราดไปข้างหน้า บินนำไปก่อนเป็นเครื่องแรก แล้วเครื่องที่ ๒-๓-๔-๕ จนถึงเครื่องที่ ๑๐ ก็บินตามกันไปเป็นหาง มุ่งหน้าสู่หนองแม่นาซึ่งกำลังมีการปะทะกันอยู่ ส่วน ฮท.๑ (กันชิพ) ทั้ง ๔ เครื่องนั้นไปบินวนคุ้มกันอยู่บนอากาศก่อนแล้ว พอขบวน ฮ. บินผ่านฐานปฏิบัติการบนเขาค้อ ก็มองเห็นทหารที่อยู่บนฐานนั้นโบกมือให้กำลังใจกันสลอน

ข้ามเขาค้อไปก็มองเห็นเขาย่าอยู่แค่เอื้อม ตรงนั้นมีที่ราบนิดหน่อย ฮท.๑ หมายเลข ๒๓๔๐๗ ซึ่งเป็นเครื่องนำขบวน เริ่มลดระดับลง ฮ. เครื่องอื่นที่บินเกาะหมู่มาด้วยกันก็แยกย้าย เพื่อเตรียมร่อนลงปล่อยทหารตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ แนวไม้ข้างล่างใกล้พื้นที่เป้าหมายมีกลุ่มควันที่เกิดจากการปะทะ ผุดขึ้นตรงโน่นตรงนี้ราวกับดอกเห็ด

นักบินบังคับเครื่องวนอยู่สักอึดใจก็นำเครื่องลดระดับลงต่ำ พลปืนกลทั้งซ้ายขวายิงกราดนำไปก่อน เพื่อเป็นการเคลียร์พื้นที่ ที่หมายเป็นป่าอ้อสูงท่วมหัวปะปนกับไม้รวกหนาทึบมีที่ว่างอยู่นิดหน่อย

พอถึงที่หมาย นักบินบังคับเครื่องให้ลอยนิ่งอยู่ในระยะ ๑๕ ฟุต เหนือพื้นดิน พลปืนบนเครื่องสอดสายตามองหาเป้าหมายที่เป็น พวกแม้วแดง ที่อาจจะแอบซ่อนอยู่ในดงไม้เพื่อหาโอกาสสอย ฮ. ที่กำลังลอยตัวเพื่อส่งทหารลงที่หมาย ซึ่งเกือบจะเป็นเป้านิ่งเลยทีเดียว

“โดด...” .... สิ้นเสียงผู้บังคับหมู่สั่ง ทหารทั้งหมดต่างโดดออกจากประตูเครื่องทั้งสองข้าง เสียงอีลุ่บตุ้บตั้บ บางคนลงในป่าอ้อ บางคนลงไปในกอไม้รวกเสียงสวบสาบ พอทหารกระโดดลงหมดแล้ว ฮ. ยกตัวขึ้น ไอ้แม้วไม่รู้ว่าซ่อนอยู่ตรงไหน ซัดด้วยอาร์ก้าหรือ เซกาเซ่ก็ไม่ทราบ

“เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง.........”

พอสิ้นเสียงปืนชุดนี้ กระสุนนัดหนึ่งก็เจาะเข้าที่ลำคอ อีกนัดหนึ่งเจาะเข้าอย่างจังที่หน้าอก จ่าทวีปผงะหงายล้มกลิ้งเสียชีวิตทันที ส่วนจ่าธีระวัฒน์ซึ่งควบคุมทหารพรานลุยกับ ผกค. อยู่อีกด้านหนึ่งก็ถูกกระสุนที่โคนแขนขวาอาการสาหัส... แต่ไม่เป็นไรกำลังที่เหลือคงลุยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งเวลาบ่ายแก่ๆกำลังส่วนใหญ่ของหมวดไพบูลย์ พร้อมกับศพของจ่าทองแดง กับ อส.ทพ. ทอง แก้วทา จึงได้หลุดออกสู่ ทุ่งโล่งโดยปลอดภัย

แต่การปะทะกับ ผกค. ยังไม่มีวี่แววจะยุติ ศพของจ่าทวีป และจ่าธีระวัฒน์ ที่ได้รับบาดเจ็บยังเอาออกมาไม่ได้ เพราะการรบยังติดพันอยู่ หมวดไพบูลย์ จึงสั่งให้กำลังทั้งหมดกลับเข้าไปช่วยอีกครั้งหนึ่ง

พอกลับเข้าไปถึงจุดที่ปะทะ ก็เข้าสมทบกับทหารที่อยู่ระวังหลัง เฮโลเข้าตะลุมบอนดะ ปรับเป็นแถวหน้ากระดานเข้าไปเลย มันจะอยู่ตรงไหนก็ช่าง มองเห็นหรือไม่เห็นไม่รู้ ทุกคนไล่ยิงด้วยความบ้าเลือดชนิดตายเป็นตาย เอ็งแน่ก็ยิงเข้ามา เสียงอาร์พีจี,ปืนเอ็ม-๗๙, เอ็ม-๑๖ และ เอ็ม-๖๐ ดังก้องป่าไปหมด

พอเจอความบ้าเลือดแบบนี้เข้า ไอ้แม้วถอยกรูดๆ ลากคอเพื่อนที่ม่องเท่งแล้วถูลู่ถูกังเลือดสาดกระจายหนีไปทางริมตลิ่ง ทหารยังตามกระหน่ำซ้ำด้วยอาร์พีจีและเอ็ม-๗๙ จนกระทั่งเสียงปืนของมันค่อยๆ ห่างออกไปทุกทีแล้วเงียบหายไปในที่สุด

หลังจากที่ ผกค. แตกหนีออกไปแล้ว ทหารก็ได้นำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมารอ ฮ. อยู่ที่โค่นต้นไม้ ซึ่งที่นั่นมีมวลชน ผกค. จำนวน ๑๓ คน รวมอยู่ด้วย ไม่นาน ฮ. ติดเครื่องหมายกากะบาดสีแดงเขียนข้างลำตัวว่า “ไทยช่วยไทย” ร่อนลงมารับเอาร่างผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ กลับไป

ด้านของ ผู้พันหาญ ผบ.พัน.ร. ๓๔๔๔ หลังจากนำ ร้อย.ร. ๔๔๒ และ ๔๔๓ แยกทางกับ ร้อย.ร. ๔๔๑ เพื่อเข้าสู่ที่หมายซึ่งอยู่ห่างออกไป ๒ ก.ม. อันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนการเมืองการทหาร ซึ่งเปรียบเสมือน หัวใจของ ผกค. เขต ข.๓๓ ตัวสหายวิสุทธิ์ (เล่าย่า)จอมวายร้ายกรรมการรวมเขต 3 จังหวัด (พิษณุโลก - เพชรบูรณ์ - เลย)

รวมทั้ง ผกค. ชั้นหัวกะทิทั้งหมดก็อยู่ที่นี่ด้วย ส่วนสาเหตุที่ไม่เลือกพื้นที่ส่งกำลังลงใกล้กับที่หมายก็เพราะว่า รร.การเมืองการทหาร, สำนักอำนาจรัฐ, สำนักนาเคลื่อนที่ และสำนักทหารช่าง ที่หมายเหล่านี้แต่ละแห่งก็อยู่ห่างกันไม่เท่าไร ถ้าหากถูก จู่โจมเมื่อใด ผกค. ประมาณ ๒๐๐ คนจะต้องเฮโลเข้ามาช่วยกัน ซึ่งจะทำให้ฝ่ายเราต้องสูญเสียมากขึ้นด้วย

กำลังทั้ง ๒ กองร้อย เดินข้ามทุ่งโล่งอย่างไม่สู้รีบร้อนนัก ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เหน็ดเหนื่อยเสียก่อน เมื่อกำลังทั้งหมดมาถึงห้วยร่อนแก่นซึ่งเป็นลำห้วยเล็กๆ ซึ่งแยกมาจากลำน้ำเข็ก และน้ำก็ไม่ลึกจนเกินไปพอที่จะลุยข้ามได้ ผู้พันหาญจัดกำลังเป็นส่วนระวังหลังไว้จำนวนหนึ่ง นอกนั้นได้ทยอยกันลุยข้ามลำห้วยไป แล้วกระจายกำลังลัดเลาะไปทางป่าตีนเขาหลังโนนสน

ใกล้เข้าไป ทุกอย่างเงียบสงบแม้แต่ลมก็ไม่กระดิก มันเงียบจนเกือบจะไม่แน่ใจว่ามาถูกทางหรือเปล่า มันน่าจะมีวี่แววอะไรสักอย่างปรากฏให้เห็นแต่มันก็ไม่มี แต่เมื่อเคลื่อนที่เข้าไปใกล้อีกหน่อย ก็มองเห็นทุ่งนานาวเหยียดมีความ ๒ - ๓ ตัว เล็มหญ้าอยู่ ทางด้านซ้ายเป็นลำน้ำเข็ก ด้านขาวเป็นป่าที่มีต้นยางสูงเสียดฟ้าแออัดยัดเยียดกันจนเกือบจะไม่มีช่อง ว่าง แต่ละต้นล้วนใหญ่โตมโหฬารทั้งสิ้น เมื่อสังเกตุให้ดีอีกครั้งหนึ่งก็เห็นว่าที่ริมลำน้ำเข็กนั้นมีกระต๊อบเล็ก ๆ เตี้ย ๆ เรียงรายอยู่ ๖ - ๗ หลัง

แต่มองไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว ผู้พันหาญกางแผนที่เช็กพิกัดให้แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏว่าได้นำกำลังมาถูกที่แล้ว เพราะฉะนั้นที่หมายที่จะเข้าโจมตีจะต้องอยู่ในป่าแห่งนั้นอย่างแน่นอน ผู้พันหาญสั่งการให้ ผบ.ร้อยทั้งสองเตรียมเข้าถล่มทันที ชุดยิง ค.๖๐ ของทั้งสองกองร้อย ตั้งขาหยั่งอย่างรีบด่วน เมื่อทุกอย่างพร้อม พลกระสุนก็ปล่อยลูก ค. นัดแรกเข้าไปโดยไม่ต้องเล็ง
“บึมส์....” ค. นัดแรกหยอดข้ามทุ่งนาไปแล้วเป็นการหยั่งเชิง ระเบิดดินฟุ้งขึ้นพ้นยอดยาง เงียบ....

“บึมส์....” นัดที่สองหยอดซ้ำลงไปอีก ควันโขมง...
“วี้ดดดดด....กรั้มมมมมม......”

เจ้าของบ้านตอบมาแล้ว คราวนี้พวกเราหมอบติดคันนาเลยทีเดียว เพราะอาร์พีจี ๒ - ๓ นัด ของ ผกค. ปลิวมาตกอยู่ตามคันนาฝุ่นฟุ้ง วัวควายวิ่งกันกระเจิง ทหารทั้งสองกองร้อยชาร์ทเข้าหาที่หมายทันที โดยทางด้านซ้าย ร้อย.ร. ๔๔๒ ตีโอบเข้าไป ร้อย.ร. ๔๔๓ โอบทางด้านขวาเข้าหาชายป่าที่อยู่ตรงหน้า ผกค. ระดมยิง ค. และ อาร์พีจี ใส่อย่างไม่ยั้งพยายามจะสกัดไม่ให้ฝ่ายเราบุกเข้าไปถึงที่หมาย ทหารทั้งหมดบุกเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย ค.๖๐ ฝ่ายเราที่อยู่ด้านหลังก็ยังคงระดมยิงเข้าไปเพื่อเปิดทางให้ฝ่ายเราบุกเข้า ไปเป็นระลอกๆ

บนท้องฟ้า ฮท.๑ (กันชิพ) ๒ เครื่อง เพื่อนร่วมสมรภูมิปรากฏตัวขึ้นแล้ว มาถึงก็ไม่ฟังเสียงจิกหัวตรงรี่ลงมาเลย

“แซ๊ดส์....บึมส์....แซ๊ดส์....บึมส์....”

จรวด ๗๐ มม. ๒ ลูกซ้อน พุ่งปร๊าดออกจากท่อยิงทั้งสองข้างตรงไปยังกลุ่ม ผกค. ที่กำลังยิงต่อสู้กับฝ่ายเราอยู่ จรวดทั้งสองลูกกระทบที่หมาย ควันโขมง ดินจากแรงระเบิดสูงพ้นยอดไม้ ฮ. กันชิพ เครื่องแรกถล่มด้วยจรวดเสร็จแล้วก็ยกตัวขึ้นสูงเพื่อเปิดทางให้ ฮ. กันชิพอีกเครื่องจิกหัวลงซ้ำด้วยปืนกลอากาศ...

“พรู่ด....พรู่ด...พรู่ด....พรู่ด.........” เสียงดังราว กับช้างร้อง แล้วก็เอียงลำตัวให้ปืนอีกข้างหนึ่งหวดซ้ำลงไปอีก

“พรู่ด....พรู่ด...พรู่ด....พรู่ด.........” แสงไฟจากปากลำกล้องสีแดงสลับเขียวพุ่งเป็นฝอยราวกับไฟพะเนียง พอเครื่องที่สองไต่ระดับขึ้นสูง เครื่องแรกก็จิกหัวตรงรี่ลงมาอีก กระหน่ำด้วยจรวดอีก ๒ นัด ตามด้วยปืนกลอีก ๓ - ๔ ชุด ฮท.๑ (กันชิพ) ทั้งสองเครื่องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันแผลงฤทธิ์อย่างสนุกสนาน ลูกจรวดตกลงบนหลังคาค่ายพักไฟลุกพึ่บแล้วลามไปยังหลังอื่นๆ อย่างรวดเร็ว
ทางด้านภาคพื้นดิน

ทหารทั้ง ๒ กองร้อยเคลื่อนที่พ้นทุ่งนาเข้าไปแล้ว ระเบิดควันสีเขียวสีม่วงสีเหลืองถูกเหวี่ยงออกไปเป็นสัญญาณบอกแนวให้นักบิน รู้ว่ากำลังของเราอยู่ที่ไหน กันชิพทั้งสองเครื่องต่างผลัดเปลี่ยนกันกระหน่ำเสียจน ผกค. โงหัวไม่ขึ้น พอกระสุนปืนและจรวดหมดก็บินกลับไปโหลดให้ โดยเปลี่ยนให้ บ.จล. ๒ “สปุ๊กกี้” ของกองทัพอากาศซึ่งบินวนคอยทีอยู่แล้วลงกระหน่ำด้วยปืน“มินิกัน” ที่มีอัตราการยิงมากกว่า ๖,๐๐๐ นัดต่อนาที

เท่านั้นยังไม่หนำใจพอ “สปุ๊กกี้” จากไป ปืนใหญ่จากฐานยิงบนเขาค้อเริ่มบรรเลงซ้ำลงยังที่หมายเดิมเป็นวงกว้าง เสียงระเบิดตูมตาม ต้นหมากรากไม้ล้มระเนระนาดทั้งหินทั้งดินฟุ้งกระจายสะเกิดปลิวว่อนจนเราต้อง หลบกันจ้าละหวั่น เพราะเป็นการยิงในระยะใกล้แนวของทหารภาคพื้นดิน ผู้ตรวจการณ์หน้า (ผตน.) ต้องตะโกนกรอกวิทยุเสียงลั่นให้ยิงห่างแนวออกไปหน่อย ภารกิจยิงของปืนใหญ่ครั้งนี้รู้สึกสะใจจริงๆ เพราะเป็นการยิงติดต่อกันยาวนานนับชั่วโมง

พอปืนใหญ่เงียบเสียงไป คราวนี้ ร้อย ร.๔๔๒ กับ ร้อย ร. ๔๔๓ ก็ชาร์ทเข้าไปโดยอัตโนมัติ กำลังทั้งสองกองร้าอยเข้าไปลุยอยู่ในบริเวณสำนักทหารช่างก่อนแล้วเลยเข้าไป ที่ รร.การเมืองการทหาร เผาให้มันวายวอดไปเลย หมูเห็ดเป็ดไก่วิ่งกันกระเจิงเสียง กระโต๊กกระต๊ากดังลั่นป่าไปหมด ผกค.หนีกันเตลิดเปิดเปิงเห็นหัวสลอนวิ่งเข้าป่าไปปักหลักสู้อยู่ตามคูยิงและ บังเกอร์ที่มีอยู่อย่างมากมายในบริเวณนั้น ทิ้งศพเพื่อนนอนตายไว้ตามสุมทุมพุ่มไม้นับได้เกือบ ๒๐ ศพ โดยมีทหารไล่ตามขยี้อย่างดุเดือด

เสียงปืนดังกึกก้องไฟลุกข้ามจากหลังโน่นไปหลังนี้ติดต่อกันไปเป็นบริเวณ กว้างหลายไร่ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตถูกนำออกจากป่าอย่างทุลักทุเลแล้วนำไปคอย ฮ. อยู่ที่บริเวณทุ่งนาเพื่อรอส่งกลับส่วนหลังต่อไป

หลังจากศึกถล่มศูนย์ประสาท ผกค. เขต ข.๓๓ ผ่านไป ผู้พันหาญสั่งให้ตรวจค้นทันที สิ่งของ อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือช่าง เอกสารสำคัญต่างๆ ถูก ผกค. นำไปซุกซ่อนไว้ตามอุโมงค์ โดยเฉพาะที่ริม ลำน้ำเข็ก พวก ผกค. ได้ขุดอุโมงค์ไว้ เรียงกันเป็นตับเต็มตลิ่งไปหมด และใช่ว่าจะขุดกันตื้นๆ เสียด้วย แต่ละแห่งจุคนได้ไม่น้องกว่า ๕ คนขึ้นไป

ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ ผู้พันหาญได้สั่งให้กำลังเข้าโจมตีสำนักนาเคลื่อนที่ ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักทหารช่างและ ร.ร. การเมืองการทหารไปประมาณ 2 กม. แต่การต่อสู้กับ ผกค. ที่นี่ไม่หนักหนาเท่าไรนัก เพราะ ผกค. ได้นำกำลังจากที่หมายนี้ไปช่วยสู้รบที่สำนักทหารช่างและ ร.ร. การเมืองการทหารหมด จึงเหลือกำลังอยู่ไม่กี่คน การรบจึงไม่รุนแรง

ตามแผนที่กำหนดไว้นั้น จะใช้ ฮ. เคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศลงสู่ฐานที่มั่นของ ผกค. ในบริเวณหนองแม่นาพร้อมกัน ๒ กองพัน คือ พัน. ร. ๓๔๔๔ และ พัน. ร. ๓๔๔๗ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ใน วันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๒๔ จึงได้ส่ง พัน. ร. ๓๔๔๔ ลงไปก่อนเพียงกองพันเดียว ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ส่วน พัน. ร. ๓๔๔๗ นั้นได้เคลื่อนย้ายกำลังเข้าที่หมายในวันที่ ๒๑ ก.พ. ๒๕๒๔

พัน. ร. ๓๔๔๗ เป็นกองพันผสมระหว่างทหารจากกรมทหารราบที่ ๔ กับกรมทหารราบที่ ๗ กองพันนี้อยู่ในบังคับบัญชาของ พ.ต. ประสม สอนปาน ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ การกวาดล้าง ผกค. และทำลายโรงพยาบาลเขต สำนักพลาธิการเขต ๑๕ พลาธิการกองร้อย ซึ่งที่หมายทั้งหมดนี้อยู่ที่บริเวณตีนเขาย่า ใกล้กับหมู่บ้านทุ่งแดงชิงชัยใหม่ มีทหารบ้านติดอาวุธจำนวนหนึ่งเฝ้ารักษาไว้อย่างแข็งแรง

นักบิน ฮ. และช่างเครื่องต้องทำงานหนักกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะ ฮ. ที่นำมาใช้ในการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ก็คือ ฮ. ชุดเดียวกับเมื่อวันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๒๔ ฮ. ทุกเครื่องได้ถูกนำไปรวมไว้ ณ ที่แห่งหนึ่งในเพชรบูรณ์ตั้งแต่เมื่อพลบค่ำแล้ว การเตรียมการเป็นไปอย่างคึกคัก พล.ต. ระลอง รัตนสิงห์ พ.อ. พิจิตร กุลละ-วนิชย์ พ.อ. สุรเชษฐ์ เดชาติวงศ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ วิ่งวุ่นกันตั้งแต่เช้า เพราะขณะนี้หน่วยต่างๆ ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่หนองแม่นาได้รายงานเข้ามาเป็นระยะ ๆ บางหน่วยยึดที่หมายได้กำลังรอรับคำสั่งปฏิบัติต่อไป บางหน่วยร้องขอ ฮ. เพื่อไปรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บางหน่วยร้องขอกระสุนและเสบียงเพิ่มเติม

ครั้นได้เวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น. ขณะนี้ ฮ. ทุกเครื่องติดเครื่องรอพร้อมอยู่แล้ว พอทหารจาก พัน.ร. ๓๔๔๗ กองร้อยแรกขึ้นประจำที่เรียบร้อยแล้ว ฮ. ลำเลียงทั้ง ๑๐ เครื่อง ได้ทยอยกันขึ้นตามลำดับมุ่งไปทางบ้านเล่าลือ โดยมี ฮ. กันชิพ ๔ เครื่องบินคุ้มกันไปตลอดทาง เมื่อถึงพื้นที่เหนือเป้าที่ได้กำหนดให้เป็นที่ร่อนลงจอดของ ฮ. แต่ละเครื่อง จึงได้ลดระดับเพื่อเตรียมปล่อยทหารลง....
ไอ้พวกแม้วแดงซึ่งคอยทีอยู่แล้วก็เริ่มแผลงฤทธิ์ยิงถล่มไปที่ ฮ. ทันที ซึ่งมันคงหวังอย่างยิ่งว่าวันนี้ต้องซัด ฮ. ให้ระเบิดกลางอากาศให้ได้อย่างน้อยหนึ่งเครื่อง

เพราะเมื่อวานนี้พวกมันเสียท่าถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว มันระดมยิงอย่างไม่ลืมหูลืมตา กระสุนมีเท่าไรมันซัดเข้ามาเป็นห่าฝน แต่ฝ่ายเราก็รู้ตัวมาก่อนแล้วว่าวันนี้มันต้องเล่นหนักแน่ เพราะฉะนั้นแทนที่จะปล่อยให้มันเล่นเอาฝ่ายเดียว ปืนทุกกระบอกทั้ง เอ็ม-๖๐ บน ฮ. และอาวุธประจำกายของทหารแต่ละคนที่อยู่บน ฮ. จึงซัดสวนลงไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เท่านั้นยังไม่พอ ฮท. ๑ (กันชิพ) ซึ่งบินวนคอยทีอยู่ก่อนแล้วยังช่วยถล่มลงไปอีกจนในเงยหัวไม่ขึ้น

แต่ถึงแม้ว่าจะยิงถูกต่อต้านจากภาคพื้นดินหนาแน่นเพียงไร นักบินผู้กล้าจากศูนย์การบินทหารบกก็สามารถส่งทหารทั้งหมดลงสู่ที่หมายได้ ตามแผน พอตั้งตัวได้ก็เคลื่อนเข้าหาโรงพยาบาลเขตทันที เพราะมองจากพื้นที่ส่งลงก็สามารถเห็นหลังคาของโรงพยาบาลเขตอยู่ในชายป่าข้าง หน้าแล้ว และพอขยับเข้าไปใกล้ ผกค. อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งคอยต้อนรับอยู่แล้วก็ส่งไอ้หัวปลีมรณะออกมาทักทายทันที

“กรั้ม...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ” ติดตามด้วยเสียง “เปรี้ยง...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...” ซึ่งเป็นเสียงปืนอาร์ก้าและเซกาเซ่อย่างถี่ยิบ "ไม่เป็นไร เอ็งยิงได้ยิงไป ข้าก็มีสิทธิยิงได้เหมือนกัน" ทหารทุกนายบุกเข้าไปเป็นแถวหน้ากระดาน รุกคืบหน้าใกล้เข้าไปตามลำดับ และพอใกล้เข้าไป กับระเบิดที่ ผกค. วางไว้อย่างหนาแน่นก็ระเบิดตูมๆ นักรบของเราพลีชีพไป ๒ นาย และจากนั้น ร.ท. พรธเณศร์ สุนทรเกส ผบ. ร้อย ก็สั่งให้เคลื่อนที่ช้าลง

ในช่วงที่ฝ่ายทหารชะลอการบุกนั่นเอง ที่ฝ่าย ผกค. ได้ฉวยโอกาสถล่มด้วยอาวุธนานาชนิดอีกครั้งหนึ่ง แล้วดาหน้าเฮโลออกมาจากชายป่าหวังจะอัดให้ละลายไปในพริบตา ร.ท. พรธิเณศร์ สั่งทหารทุกนายสู้ตายทันที เสียงปืนและลูกระเบิดมือดังสนั่นหวั่นไหว การรบเป็นไปอย่างดุเดือด ทุกคนยิงอย่างไม่ยั้งมือ บางคนยิงจนกระบอกปืนกลายเป็นสีแดงเพราะความร้อน การปะทะเป็นไปอย่างหนักกินเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ผกค. แตกกระเซอะกระเซิงหลบหนีเข้าป่าไปแล้ว ร.ท. พรธเณศร์ สั่งไม่ใช้ติดตามหรือเข้าตรวจค้นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะกลัวว่าอาจจะถูกกลลวงให้เราเข้าสู่พื้นที่สังหารก็ได้

ห่างจากพื้นที่ปะทะบริเวณโรงพยาบาลเขตไปเล็กน้อย ฮ. เที่ยวที่สองได้นำทหารจาก พัน.ร. ๓๔๔๗ อีกกองร้อยหนึ่งลงสู่ที่หมายแล้ว ทหารกองร้อยนี้มีหน้าที่เข้าทำลายสำนักพลาเขตซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน และเช่นเดียวกับทุกครั้ง ผกค. ที่แอบซ่อนอยู่ตามหุบเขาก็ยิงต้อนรับอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ความหวังของมันที่จะระเบิด ฮ. ก็เกือบจะเป็นผลสำเร็จ เพราะ ฮ. เครื่องหนึ่งที่บรรทุกทหารมาถูกยิงเข้าที่สุดสำคัญจนเครื่องดับ เซถลาลงมากับพื้นดินและทำท่าจะพลิกหงายท้อง จ.ส.อ. พรศักดิ์ แก้วประสิทธิ์ ช่างเครื่องรีบกระโดดลงมาจาก ฮ. ผลักทหาร ๔-๕ นาย ให้ออกไปพ้นรัศมี มิฉะนั้นอาจจะถูก ฮ. ทับแบน

แต่เดชะบุญ ฮ. ที่ทำท่าจะพลิกตะแคงจนฐานสกีข้างหนึ่งชี้ฟ้านั้นเกิดพลิกตัวกลับได้อย่าง ปาฏิหาริย์ และเครื่องก็เกิดติดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นักบินจึงรีบนำเครื่องโผขึ้นสู่อากาศทันที โดยหารู้ไม่ว่าขณะนี้ จ.ส.อ. พรศักดิ์ ยังวิ่งหลบกระสุนของ ผกค. อยู่ข้างล่าง ต่อมาเมื่อนำเครื่องกลับมาถึงลานจอดแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าช่างเครื่องของตน หายไปคนหนึ่ง จึงตามตัวกันจ้าละหวั่นตามหาเท่าไรก็ไม่พบเลยวิทยุไปที่หน่วยซึ่งปล่อยลง เมื่อสักครู่ จึงได้รู้ว่า จ.ส.อ. พรศักดิ์ ตกค้างอยู่ที่นั่น แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถไปรับได้เพราะหน่วยกำลังปะทะหนัก จ.ส.อ. พรศักดิ์ ก็เลยต้องจับปืนช่วยเขารบไปพลางๆ ก่อน วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์เบาบางลงจึงได้นำ ฮ. ไปรับกลับมารับขวัญเป็นการใหญ่ เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องฮาไม่สิ้นสุดจนทุกวันนี้..

ในวันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๕๒๔ ร.ท. พรธเณศร์ ผบ.ร้อย ได้สั่งทหารให้บุกเข้าโจมตีโรงพยาบาลเขตอีกครั้งหนึ่ง เพราะเจ็บใจที่เมื่อวานนี้ถล่มไม่สำเร็จ แถมเมื่อคืนนี้มันยังตามมากวนตลอดคืนอีกด้วย วันนี้ต้องเอาให้แหลกให้ได้ โดยให้ปืนใหญ่ยิงเข้าถล่มเข้าไปก่อนตั้งแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็ให้ ฮ. กันชิพ เข้ายิงถล่มซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ ฮ. กันชิพ บินผละออกไปจากที่หมายไปแล้ว ร.ท. พรธเณศร์ ก็สั่งให้ทหารชุดแรกเคลื่อนที่เป็นหัวหอกเจาะนำเข้าไป และให้ทหารอีกสองส่วนแยกเข้าตีปีกซ้ายปีกขวา

นาทีระทึกใจใกล้เข้ามา....ทหารทั้งหมดค่อยๆ เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ เพราเกรงใจกับระเบิดที่เจ้าของบ้านวางดักเอาไว้ พอเข้าใกล้เข้าไปห่างจากที่หมายประมาณ ๑๐๐ เมตร ปืนทุกกระบอกทุกชนิดก็เปิดฉากยิงถล่มขึ้นเกือบจะพร้อมๆ กัน เสียงปืนฝ่าย ผกค. ก็ตอบโต้มาทันใจเหมือนกัน

“เปรี้ยง...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...”

“กรั้ม...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ...ๆ” ไฟจากท้ายกระบอก อาร์พีจีของมันพุ่งไปข้างหลังขณะยิงเสียงดัง “ฟั่บ...ๆ...”

“กรั้ม...ๆ...ๆ...ๆ” จรวดอาร์พีจี ตกใกลักับทหารฝ่ายเราสะเก็ดปลิวว่อน ทหารที่ถูกสะเก็ดร้องโอยๆ ไป ๒-๓ นาย

คราวนี้ไม่ต้องเลี้ยงต่อไปแล้ว อาวุธมีเท่าไรถล่มเข้าไปไม่นับ เสียงสนั่นหวั่นไหว บางคนลุกวิ่งพรวดเข้าไปขว้างลูกระเบิดมือดัง หวือ....ตูม ดินกระจาย สะเก็ดปลิวว่อน
ร.ท. พรธเณศร์ สั่งทหารบุกเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย ตัวเองวิ่งกราดปืนนำหน้าไปก่อน จนพลวิทยุตามเกือบไม่ทัน.... แต่แล้วพอเกือบถึงที่หมายอยู่รอมร่อก็มีเสืยงดัง.... “บึ้มส์.....”

ร่างของ ร.ท. พรธเณศร์ ถลากระเด็นลอยคว้างเพราะไปเหยียบกับระเบิดเข้า ทหาร ๒ นายโผเข้าประคองลากถอยออกมา ไม่เป็นไรครับ... เพียงแค่ขาซ้ายเละ ข้อเท้าขวาหมุนได้รอบ เลือดไหลไกรกยังกับน้ำประปา แต่ถึงกระนั้นผู้หมวดใจเด็ดก็ยังป้องปากตะโกนลั่น “เอาเข้าไป...เหยียบมันให้แหลกคาตีน...ทางนี้ไม่ต้องห่วง...”

เท่านั้นเองทหารไม่ต้องคืบต้องคลานกันอีกแล้ว ทุกคนวิ่งพรวดเข้าชาร์ทไปทันที ไอ้แม้วเห็นท่าไม่ดีเพราะยิงสกัดเท่าไรก็ไม่อยู่ ยิ่งยิงทหารยิ่งบุก มันหวดด้วยอาวุธทุกชนิดเป็นครั้งการสั่งลาแล้วโกยแน่บเข้าไป ทิ้งเพื่อนฝูงหลายคนเละเป็นปลากระป๋องอยู่ทางนี้เลือกสาดแดงฉานไปหมด ป่านนี้ได้พวกหมอกับพยาบาลซึ่งมีอยู่ประมาณ ๓๐ คน คงจะเปิดแน่บไปนานแล้ว ทิ้งให้พวกทหารบ้านซึ่งน่าจะมีอยู่ประมาณ ๓๐ คน สู้อยู่กับทหาร

พอทุกคนย่างเหยียบเข้าไปถึงที่หมายก็ไม่ฟังเสียง จ่อไฟแช๊กเข้าที่ชายคาบ้านซึ่งมุงด้วยแฝกไฟก็ลุกพึ่บพั่บควันโขมง ไม่กี่อึดใจโรงพยาบาลเขตของพวกมันก็ตกอยู่ในกองเพลิงซึ่งกำลังลุกไหม้อย่าง รวดเร็วด้วยแรงลม และในขณะเดียวกับที่กองร้อยที่ ๑ ของพัน ร. ๓๔๔๗ เข้าโจมตีโรงพยาบาลแห่งนี้ กำลังอีกกองร้อยก็กำลังถล่มสำนักพลาเขตของ ผกค. อยู่อย่างเมามัน

โดยสังเกตได้จากเสียงปืนทุกชนิดที่ดังอื้ออึงไปหมด บนท้องฟ้า ฮ. กันชิพหลายเครื่องบินว่อนเหมือนฝูงเหยี่ยว จิกหัวลงยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลเขต ที่การเข้าตีที่หมายมีความดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะสำนักพลาเขตมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่หมายแห่งอื่นๆ เพราะเป็นคลังมหึมาที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์สายพลาฯ

รวมทั้งอาวุธกระสุนที่สะสมไว้เพื่อรอลำเลียงไปสนับสนุน ผกค. ที่จังหวัดตากด้วย คลังต่างๆ ที่มีอยู่กว่า ๑๐ หลังล้วนแล้วมีแต่ขนาดใหญ่โตทั้งสิ้น ซึ่งแน่ละที่เจ้าของต้องหวงเป็นธรรมดา เพราะถ้าคลังแห่งนี้ถูกทำลายได้เมื่อใดก็หมายความว่าอาวุธกระสุนที่รวบรวม ไว้จำนวนมหาศาลจะต้องวอดวายไปด้วย แล้ว ผกค. เหล่านี้จะสู้อยู่ได้อย่างไร เพราะมีปืนก็เหมือนมีสากกะเบืออันหนึ่งเท่านั้นเอง...!!

- ที่มา..ขอบคุณเว็ป : clipmass.com
ขอขอบคุณทางเพจ สงคราม ประวัติศาสตร์  ไว้ ณ โอกาสนี้ครับ


** http://www.youtube.com/watch?v=Z0eMyijHcVA
** http://www.youtube.com/watch?v=4nwFti0d9-o



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น